Follow Us @mashareblog

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ประโยชน์ของพริก รสแซ่บที่ซ่อนสรรพคุณไว้เพียบ!!

    ประโยชน์ดีๆ ของ “พริก” รสเผ็ดร้อน

ที่หลายๆคนติดใจและยังซ่อนสรรพคุณไว้เพียบ!!


         วันนี้ Mashare นำเรื่องราวดี ๆ ของพริก สมุนไพรรสเผ็ดร้อน ที่ต้องมีติดครัวกันทุกบ้านเลยค่ะ  พริกเป็นสมุนไพรไทยที่มีรสชาติจัดจ้าน ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้ดีขึ้น พริกนั้นมีประโยชน์ดีๆ มากมายหลายข้อ เช่น ช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคมะเร็ง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
        ก่อนที่เราจะรู้ว่าประโยชน์ของพริกมีประโยชน์อะไรบ้างนั้น  เรามาทำความรู้จักเรื่องราวของพริกอีกนิดกันก่อนนะคะ

             พริก ประวัติและความเป็นมา
              มีการบันทึกว่าพริกถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 7,000 ปี
ก่อนที่อเมริกากลางและอเมริกาใต้   โดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
จากนั้นก็มีการนำพริกมาปลูกและเผยแพร่ไปทั่วยุโรป และลาม
ไปทั่วโลก ทำให้พริกมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปมากมาย เช่น พริก
ภาษาอังกฤษคือ Chili หรือ Chili peppers ซึ่งก็มาจากคำว่า
"พริก"ในภาษาสเปนซึ่งพริกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าCapsicum spp.
  พริกในบ้านเรามีหลายชนิด ตั้งแต่พริกชื่อดังอย่าง พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า ไปจนถึงพันธุ์พริกชื่อแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยคุ้นหูอย่าง พริกจินดา พริกหัวเรือ พริกสีทน และพริกที่เผ็ดน้อย หรือไม่เผ็ดอย่าง พริกหวาน พริกหยวก เป็นต้น
  
       ชื่อเสียงที่โดดเด่นที่สุดของพริก ต้องยกให้เรื่องความเผ็ด เพราะว่าพริก คือ เครื่องเทศที่ให้รสเผ็ดร้อนชนิดหนึ่ง เนื่องจากในพริกมีสารแคปไซซิน (Capsicin) ที่เป็นสารที่ให้ความเผ็ดร้อน โดยสารชนิดนี้จะกระจายอยู่ในทุกส่วนของพริก แต่ส่วนที่พบมากที่สุดหรือเผ็ดมากที่สุดก็คือ รกหรือไส้ของพริกนั่นเอง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่สามารถทนความร้อนได้ดี แม้ว่าจะผ่านกระบวนการทำให้สุกหรือตากแดดร้อน ๆ จนแห้งแล้วก็ตาม แต่พริกก็ยังคงความเผ็ดร้อนไว้ได้ดังเดิม
  •   พริก ประโยชน์ดี ๆ ของการกินเผ็ด !
1.ช่วยลดน้ำหนัก
                  การทานพริกช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากแคปไซซินในพริก
มีสาร thermogenic ที่เป็นสารทำให้เกิดความร้อนภายในร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวของเราลดได้เร็วขึ้น
     นอกจากนี้ พริกยังมีกรดแอสคอร์บิก ที่ช่วยเร่งให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานได้ด้วย โดยมีการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นพบว่า การทานพริก 10 กรัม จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และยาวนานมากถึง 30 นาที สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก แนะนำให้ทานพริกในรูปแบบสารสกัดดูนะคะ
      โดยในพริกยังมีวิตามินซีสูง สามารถขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราดีขึ้นด้วยค่ะ

2.ช่วยทำให้อารมณ์ดี
    เชื่อหรือไม่ว่าการทานพริก ช่วยทำให้เราอารมณ์ดี สดชื่น เนื่องจากสารแคปไซซินในพริกจะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารชนิดนี้มีคุณสมบัติหลายประการต่อร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด  ยังช่วยในการลดฮอร์โมนความเครียด ทำให้เราอารมณ์ดี รุ้สึกสดชื่น ทำให้ความดันโลหิตลดลง รู้สึกผ่อนคลาย และทำให้เรามีความสุขมากขึ้น



3.ช่วยให้เจริญอาหาร
     นอกจากสารเอ็นดอร์ฟินจะช่วยทำให้อารมณ์สดใสขึ้นแล้วยังช่วยทำให้อาหารอร่อยมากยิ่งขึ้น และพริกจะไปทำให้ต่อมน้ำลาย
ทำงานมากขึ้น ช่วยกระตุ้นปลายประสาท ทำให้สมองส่วนกลางรับรู้ความอยากทานอาหาร  ทำให้หลายคนชอบทานเผ็ด  รู้สึกว่ายิ่งทานอาหารที่มีรสเผ็ด ยิ่งเผ็ดก็ยิ่งกินอร่อย

4.ช่วยลดอาการปวด
    เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกสามารถกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดโดยธรรมชาติ จึงทำให้เรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงได้  ในสมัยก่อนได้มีการนำพริกมาทำลูกประคบ ใช้ทำน้ำมันแก้ปวดเมื่อยตามข้อ ในปัจจุบันได้มีการสกัดสารแคปไซซินออกมา โดยนำมาเป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งและเจล  ใช้ทาบรรเทาอาการปวดบวมบริเวณต่าง ๆ ของผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น เข่าอักเสบ แก้ปวดข้อได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัวลงได้อีกด้วย

5.ช่วยบำรุงสายตา
     ในพริกยังมีปริมาณวิตามินเอและวิตามินซีอยู่มาก มีเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณบำรุงและป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้ พริกจัดเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาอย่างดีเลยค่ะ ถ้าอยากได้รับวิตามินเอจากพริก ควรต้องกินพริกสดๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงสุกค่ะ เช่น พริกในส้มตำ หรือ เลือกกินพริกที่มีความเผ็ดน้อยอย่างพริกหยวก พริกหวาน เป็นต้นค่ะ

6.ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
     สังเกตได้ว่าเวลาเราทานอาหารเผ็ดเข้าไป  จะมีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล นั่นเป็นเพราะความเผ็ดของพริก และสารก่อความร้อนที่อยู่ในพริก จะไปช่วยลดปริมาณน้ำมูก  ทำให้หายใจโล่งขึ้น ลดอาการคัดจมูก บรรเทาอาการไอ ช่วยขับเสมหะออกมาได้ง่ายอีกด้วย
       สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้
ไซนัส หอบหืด  และหลอดลมอักเสบ แนะนำให้รับประทานพริกอย่างเป็นประจำ แต่อย่าทานเผ็ดมากจนเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ค่ะ

7.ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนในเลือดดีขึ้น
       การรับประทานพริกเป็นประจำ จะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น เนื่องจากสารแคปไซซินสามารถยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้ดี เพราะพริกยังมีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี  ที่ช่วยเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือดให้รับกับแรงดันต่าง ๆ ได้ดี
    อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น ลดอาการหลอดเลือดอุดตันและหลอดเลือดตีบได้ค่ะ

8.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
     ในพริกนั้น มีวิตามินเอและวิตามินซีที่สูงมาก เป็นที่รู้กันดีว่าวิตามินเอและวิตามินซีเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ อีกทั้งในพริกยังมีเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระ   ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่าง
กายของเราให้แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย

9.ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล
    รู้ไหมคะว่ามีงานวิจัยทดลองให้ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงรับประทานพริกขี้หนู 5 กรัม ร่วมกับทานอาหารปกติเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ แล้วนำผลมาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ทานพริก จากการทดลองพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ทานพริกมีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) คงที่ แต่มีระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่ทานพริกเลย มีระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมดสูงขึ้น
      จึงสรุปได้ว่าการทานพริกช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีให้คงที่และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีได้

          นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า สารแคปไซซินจะช่วยยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ในขณะที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งทำให้เรามีปริมาณไตรกลีเซอไรด์ต่ำลงอีกด้วยค่ะ


10.ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
     เชื่อหรือไม่ว่าวิตามินซีในพริกมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร แถมยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่หยุดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งพริกมีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้นการทานพริกจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ ยิ่งไปกว่านั้นในพริกยังมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสารเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดอัตราการกลายพันธุ์ของเซลล์ และช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งช่องปากได้   

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : health.kapook,มหิดล แชลแนล
ขอขอบคุณภาพสวยๆจาก : internet

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts